您现在的位置是:综合 >>正文
กต.ไม่ให้ค่าเฟกนิวส์เขมร ชี้ไม่มีมูล
综合72人已围观
简介นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูช ...
กตไม่ให้ค่าเฟกนิวส์เขมรชี้ไม่มีมูล
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ (AOT) ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งผู้สังเกตการณ์มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีการสะท้อนความจริงใจ
จากนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คณะ AOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีการตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ขณะเดียวกันได้ลงไปที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน คณะ AOT ลงพื้นที่ ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา เพราะฝั่งกัมพูชายังคงใช้สงครามข้อมูลข่าวสาร โดยการเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างต่อเนื่อง เช่น การกล่าวหาว่าทหารไทยเตรียมการโจมตีพื้นที่ธมอดาและโอพลุกด็อมเร็ย จ.โพธิสัตย์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ขณะเดียวกัน มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ จ.จันทบุรี โดยไทยขอประณามการกล่าวหาดังกล่าวของกัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบจากทุกหน่วยงาน ยืนยันว่าไม่พบเหตุดังกล่าว และไม่มีทหารหน่วยงานใดกระทำดังตามที่กล่าวอ้าง ยืนยันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นไปตามกฎหมาย ย้ำว่าในการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองจะมีสักขีพยานดูแลตลอด ยืนยันไทยเคารพ ยึดมั่นตามกฎหมายสากล และสิทธิมนุษยชน ดังนั้นไทยไม่ให้ค่าในข้อกล่าวหาดังกล่าว ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล เจตนาร้าย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามข่าวสารปะทุขึ้นอีกครั้ง ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ความระมัดระวังการบริโภคข่าวสารโดยตรวจสอบข้อมูลได้จากแหล่งข่าวทางการ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนมีการเสนอรายงานข่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่คำปลอบและสร้างความเข้าใจและสร้างความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการประสานงานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายหลังการหารือระหว่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมีหนังสือ 1 ฉบับ ถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำถึงการละเมิด Joint Declaration ของกัมพูชา โดยขอให้กัมพูชาไม่ขัดขวางการปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย และแสดงความจริงใจที่จะปฏิบัติตาม Joint Declaration และกลับสู่เส้นทางสันติภาพร่วมกับไทย โดยท่าทีของไทยกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพราะเป็นการแยก 2 ประเด็นนี้ ออกจากกัน คือ ประเด็นความมั่นคงและเรื่องการค้า ที่สำคัญฝ่ายไทยไม่เห็นด้วยกับการผูกสองเรื่องนี้ไว้ด้วยกัน แต่หากสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้ ก็ขอให้สหรัฐฯ กดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัดด้วย ขอให้มั่นใจว่า หน่วยงานไทยทุกหน่วยงานจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องไทยทุกมิติ
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาภาษีและกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นายนิกรเดช ระบุว่าเคลียร์ที่สุดเท่าที่จะเคลียร์ได้แล้ว ยืนยันว่า นายกฯ ได้พูดกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขอให้ยึดสิ่งที่นายกฯ ได้พูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก ขอให้แยกเรื่องดังกล่าวออกจากกัน เราจะเดินหน้าเจรจาการค้าตามปกติ ในชั้นนี้ก็รอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ คงตอบแทนทางฝั่งเขาไม่ได้ เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรายึดถือตอนนี้คือความเข้าใจตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำได้แจ้งต่อนายกฯ รอให้มีการเจรจานัดถัดไปตามวาระปกติของฝ่ายเจรจา
ทั้งนี้ การคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นก่อนมีหนังสือขอระงับการเจรจาหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายกฯ พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ตามถ้อยแถลง ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันตนเองไม่แน่ใจ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีการโทรศัพท์ระหว่างกัน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหนังสือดังกล่าวออกจาก USTR
ในหลักการจะต้องฟังนโยบายจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นหนังสือจึงไม่มีนัยสำคัญ สำหรับประเทศไทยสิ่งสำคัญคือ ผู้นำประเทศ นายกฯ ได้คุยกับนายโดนัลด ทรัมป์ และในการพูดคุยไม่ได้พูดคุยเรื่องภาษีอย่างเดียว เป็นการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเราได้อธิบายท่าทีว่าเรามั่นใจว่าเราเป็นผู้ละเมิดถ้อยแถลง เราคิดว่าสหรัฐฯ อาจจะช่วยกดดันให้กัมพูชาที่เป็นผู้ละเมิดสามารถปฏิบัติตามถ้อยแถลงได้ เราสื่อสารสิ่งสำคัญเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถกลับมาดำเนินการตามถ้อยแถลงได้ สหรัฐฯ ก็จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรียังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้แตะเรื่องภาษี แต่ตอนท้ายมีการพูดเรื่อง เก็บกู้ทุ่นระเบิด หากเราเก็บกู้หมดก็ขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องภาษีด้วย ส่วนตัวฯ มองว่านายกฯ พูดชัดเจนว่าเราต้องการอะไร และเราพร้อมดำเนินการหากมีความคืบหน้าในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงความเข้าใจด้วยดี เราจึงยึดถือสิ่งนี้เป็นหลัก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศจะลดภาษี 2% ตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์นั้น ซึ่งมีการเอาเรื่องความมั่นคงมาโยงกับการเจรจาภาษี นายนิกรเดช ยืนยันว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม เราไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการโยงอะไรทั้งนั้น การเจรจาการค้าเป็นเรื่องบวกทั้งสหรัฐฯ และไทย แต่เมื่อมีการพูดขึ้นมาว่าเราละเมิด และหากเราละเมิดก็จะกระทบการเจรจาการค้า เราจึงตอบตามโจทย์ที่มีการโยง แต่เราไม่ต้องการโยง และนายกฯ ยืนยันว่าทั้งสองเรื่องแยกออกจากกัน แต่ถ้าประเทศไหนต้องการโยงเรื่องนี้ มองว่าควรจะกดดัน จะรู้สึกขอบคุณมากกว่าหากจะเล่นบทสร้างสรรค์ กดดันประเทศที่ละเมิด นั่นคือท่าทีของไทย ซึ่งสหรัฐฯไม่ได้รับปาก เพียงแต่บอกว่าจะไปคุยให้
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ (AOT) ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งผู้สังเกตการณ์มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีการสะท้อนความจริงใจ
จากนั้น วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คณะ AOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีการตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ขณะเดียวกันได้ลงไปที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน คณะ AOT ลงพื้นที่ ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา เพราะฝั่งกัมพูชายังคงใช้สงครามข้อมูลข่าวสาร โดยการเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างต่อเนื่อง เช่น การกล่าวหาว่าทหารไทยเตรียมการโจมตีพื้นที่ธมอดาและโอพลุกด็อมเร็ย จ.โพธิสัตย์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ขณะเดียวกัน มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ จ.จันทบุรี โดยไทยขอประณามการกล่าวหาดังกล่าวของกัมพูชา ซึ่งจากการตรวจสอบจากทุกหน่วยงาน ยืนยันว่าไม่พบเหตุดังกล่าว และไม่มีทหารหน่วยงานใดกระทำดังตามที่กล่าวอ้าง ยืนยันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นไปตามกฎหมาย ย้ำว่าในการดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองจะมีสักขีพยานดูแลตลอด ยืนยันไทยเคารพ ยึดมั่นตามกฎหมายสากล และสิทธิมนุษยชน ดังนั้นไทยไม่ให้ค่าในข้อกล่าวหาดังกล่าว ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล เจตนาร้าย ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามข่าวสารปะทุขึ้นอีกครั้ง ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ความระมัดระวังการบริโภคข่าวสารโดยตรวจสอบข้อมูลได้จากแหล่งข่าวทางการ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนมีการเสนอรายงานข่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่คำปลอบและสร้างความเข้าใจและสร้างความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
นายนิกรเดช ยังระบุถึงการประสานงานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายหลังการหารือระหว่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยว่า ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมีหนังสือ 1 ฉบับ ถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำถึงการละเมิด Joint Declaration ของกัมพูชา โดยขอให้กัมพูชาไม่ขัดขวางการปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย และแสดงความจริงใจที่จะปฏิบัติตาม Joint Declaration และกลับสู่เส้นทางสันติภาพร่วมกับไทย โดยท่าทีของไทยกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพราะเป็นการแยก 2 ประเด็นนี้ ออกจากกัน คือ ประเด็นความมั่นคงและเรื่องการค้า ที่สำคัญฝ่ายไทยไม่เห็นด้วยกับการผูกสองเรื่องนี้ไว้ด้วยกัน แต่หากสหรัฐฯ จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้ ก็ขอให้สหรัฐฯ กดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัดด้วย ขอให้มั่นใจว่า หน่วยงานไทยทุกหน่วยงานจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องไทยทุกมิติ
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาภาษีและกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นายนิกรเดช ระบุว่าเคลียร์ที่สุดเท่าที่จะเคลียร์ได้แล้ว ยืนยันว่า นายกฯ ได้พูดกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยขอให้ยึดสิ่งที่นายกฯ ได้พูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก ขอให้แยกเรื่องดังกล่าวออกจากกัน เราจะเดินหน้าเจรจาการค้าตามปกติ ในชั้นนี้ก็รอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการ คงตอบแทนทางฝั่งเขาไม่ได้ เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรายึดถือตอนนี้คือความเข้าใจตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำได้แจ้งต่อนายกฯ รอให้มีการเจรจานัดถัดไปตามวาระปกติของฝ่ายเจรจา
ทั้งนี้ การคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นก่อนมีหนังสือขอระงับการเจรจาหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายกฯ พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ตามถ้อยแถลง ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันตนเองไม่แน่ใจ แต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีการโทรศัพท์ระหว่างกัน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะหนังสือดังกล่าวออกจาก USTR
ในหลักการจะต้องฟังนโยบายจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นหนังสือจึงไม่มีนัยสำคัญ สำหรับประเทศไทยสิ่งสำคัญคือ ผู้นำประเทศ นายกฯ ได้คุยกับนายโดนัลด ทรัมป์ และในการพูดคุยไม่ได้พูดคุยเรื่องภาษีอย่างเดียว เป็นการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเราได้อธิบายท่าทีว่าเรามั่นใจว่าเราเป็นผู้ละเมิดถ้อยแถลง เราคิดว่าสหรัฐฯ อาจจะช่วยกดดันให้กัมพูชาที่เป็นผู้ละเมิดสามารถปฏิบัติตามถ้อยแถลงได้ เราสื่อสารสิ่งสำคัญเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถกลับมาดำเนินการตามถ้อยแถลงได้ สหรัฐฯ ก็จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรียังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้แตะเรื่องภาษี แต่ตอนท้ายมีการพูดเรื่อง เก็บกู้ทุ่นระเบิด หากเราเก็บกู้หมดก็ขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องภาษีด้วย ส่วนตัวฯ มองว่านายกฯ พูดชัดเจนว่าเราต้องการอะไร และเราพร้อมดำเนินการหากมีความคืบหน้าในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงความเข้าใจด้วยดี เราจึงยึดถือสิ่งนี้เป็นหลัก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศจะลดภาษี 2% ตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์นั้น ซึ่งมีการเอาเรื่องความมั่นคงมาโยงกับการเจรจาภาษี นายนิกรเดช ยืนยันว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม เราไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการโยงอะไรทั้งนั้น การเจรจาการค้าเป็นเรื่องบวกทั้งสหรัฐฯ และไทย แต่เมื่อมีการพูดขึ้นมาว่าเราละเมิด และหากเราละเมิดก็จะกระทบการเจรจาการค้า เราจึงตอบตามโจทย์ที่มีการโยง แต่เราไม่ต้องการโยง และนายกฯ ยืนยันว่าทั้งสองเรื่องแยกออกจากกัน แต่ถ้าประเทศไหนต้องการโยงเรื่องนี้ มองว่าควรจะกดดัน จะรู้สึกขอบคุณมากกว่าหากจะเล่นบทสร้างสรรค์ กดดันประเทศที่ละเมิด นั่นคือท่าทีของไทย ซึ่งสหรัฐฯไม่ได้รับปาก เพียงแต่บอกว่าจะไปคุยให้
Tags:
转载:欢迎各位朋友分享到网络,但转载请说明文章出处“雨露之恩网”。http://458.telegramur.com/html/94c899897.html
相关文章
许兴中:二供水箱水龄管控、错峰调蓄智能控制实践和思考
综合二次供水系统长期面临两大挑战——水箱“长水龄”引发的余氯衰减水质风险,以及“调蓄潜能未充分发挥”导致的运行效率低下。为破解这些难题,福州市自来水有限公司总工程师许兴中团队开展了“基于余氯保障的二供水箱 ...
【综合】
阅读更多血糖总是忽高忽低?提醒糖友:多半与4个因素有关,需及时调整!
综合葡萄糖是人体重要的组成部分和能量来源,人体每天都需要大量的糖分来为各个脏器组织的正常运转提供动力,因此血糖必须保持在一定水平。血糖即血液中的葡萄糖,一般情况下,血糖正常值是指空腹时血糖值为3.9 ~ ...
【综合】
阅读更多茶叶过期了还能喝?不同茶叶保质期也不同,一文教你如何储存!
综合喝茶已经成为了很多人必备的养生方法,尤其是家里来客人的时候还会泡茶待客,可见茶叶在人们的生活中,早已经成为了一种必备之物。很多爱喝茶的人都会在家里放几盒茶叶,但如果放置时间过久就可能会过期,虽然说饮用 ...
【综合】
阅读更多